ไหล่ติดคืออะไร? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
ศูนย์ : ศูนย์กระดูกและข้อ
บทความโดย : นพ. ประกาศิต ชนะสิทธิ์

คุณเคยรู้สึกหรือไม่ว่า อาการปวดแปลบ ๆ ที่ค่อย ๆ ลามไปทั่วหัวไหล่ จนกระทั่ง คุณไม่สามารถยกแขนได้สุด หวีผมไม่ได้ หรือแม้แต่เอื้อมหยิบของบนชั้นสูง ๆ ก็กลายเป็นเรื่องฝันร้าย หากคุณกำลังเผชิญกับข้อจำกัดเหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณอาจกำลังตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า ไหล่ติด (Frozen Shoulder) นี่ไม่ใช่แค่ความเมื่อยล้าชั่วคราว แต่คือสัญญาณเตือนที่กำลังบั่นทอนคุณภาพชีวิตของคุณในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ติดขัด การออกกำลังกายที่ต้องหยุดชะงัก การทำกิจวัตรประจำวัน หรือแม้แต่การพักผ่อน
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อาการไหล่ติดอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตได้ ฉะนั้นเพื่อให้คุณสามารถดูแลตนเองและคนที่คุณรักให้ห่างไกลจากความเจ็บปวดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุดและทันท่วงที
สารบัญ
อาการไหล่ติดเป็นอย่างไร?


อาการโรคไหล่ติด (Frozen Shoulder) เป็นภาวะที่ข้อไหล่เกิดการอักเสบหนาตัวขึ้น และมีการหดรั้งของเยื่อหุ้มข้อไหล่ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดและไม่สามารถเคลื่อนไหวหัวไหล่ได้อย่างเต็มที่ อาการมักจะค่อยๆ เป็นมากขึ้น โดยไหล่ติดจะมีอาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ได้แก่
- ระยะปวด (Freezing Stage) เป็นระยะแรกที่ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกเจ็บปวดบริเวณไหล่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืน อาจมีอาการปวดหัวไหล่ขวา ยกแขนไม่ขึ้น
- ระยะยึดติด (Frozen Stage) เป็นระยะที่อาการปวดอาจลดลง แต่ข้อไหล่จะเริ่มแข็งและเคลื่อนไหวได้น้อยลงอย่างชัดเจน ผู้ป่วยอาจมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การหวีผม การแต่งตัว เอื้อมมือไปรูดซิปด้านหลังเสื้อ หรือติดตะขอชุดชั้นในไม่ได้ ออกแรงผลักเปิดประตูหนัก ๆ ไม่ได้ ยกแขนเพื่อสวมเสื้อผ้าทางศีรษะไม่ได้ เอื้อมไปล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังลำบาก
- ระยะฟื้นตัว (Thawing Stage) เป็นระยะสุดท้ายที่อาการปวดและข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ระยะเวลาการฟื้นตัวอาจใช้เวลานานหลายเดือนถึงหลายปี
ไหล่ติดมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?
ไหล่ติดเกิดจากอะไร สาเหตุที่แท้จริงของหัวไหล่ติดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่จากการวินิจฉัยและศึกษาเบื้องต้นนั้นอาจเกิดจากการอักเสบ และพังผืดที่เกิดขึ้นภายในเยื่อหุ้มข้อไหล่ ทำให้เกิดการหดรั้งและลดพื้นที่ว่างในข้อไหล่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- การบาดเจ็บของหัวไหล่ เช่น กระดูกหักบริเวณหัวไหล่ ทำให้ผู้ป่วยขยับไหล่ลำบากเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นพังผืด
- โรคประจำตัว ผู้ป่วยที่มีโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ หัวใจและหลอดเลือด หรือโรคพาร์กินสัน มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการไหล่ติดได้
- การอักเสบเรื้อรังบริเวณข้อไหล่ เช่น เส้นเอ็นอักเสบ หรือถุงน้ำอักเสบ
- การไม่เคลื่อนไหว หรือไม่ใช้งานหัวไหล่เป็นเวลานาน เช่น หลังการผ่าตัด หรือการบาดเจ็บที่ต้องใส่เฝือก อาจทำให้ข้อไหล่ติด
- โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โดยอาจเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการไหล่ติด


นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เพิ่มโอกาสในการเกิดอาการไหล่ติดเพิ่มมากขึ้น ได้แก่
- อายุ พบบ่อยในกลุ่มอายุ 40-60 ปี
- เพศ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- โรคเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดไหล่ติดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2-4 เท่า และมักมีอาการรุนแรงกว่า
- โรคไทรอยด์ ทั้งภาวะไทรอยด์เป็นพิษและไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือผู้ที่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน
- การผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดบริเวณหน้าอก เช่น การผ่าตัดหัวใจ หรือการผ่าตัดเต้านม

การวินิจฉัยอาการไหล่ติด
การวินิจฉัยอาการไหล่ติดจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยจะเริ่มต้นพิจารณาจากการซักประวัติ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการปวด ระยะเวลาที่เป็น และกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ รวมไปถึงตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- การตรวจร่างกาย แพทย์จะตรวจการเคลื่อนไหวของหัวไหล่ ทั้งแบบที่ผู้ป่วยขยับเอง และแบบที่แพทย์ช่วยขยับ เพื่อดูว่ามีการจำกัดการเคลื่อนไหวหรือไม่ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวแบบยกแขนกางออก และการหมุนแขนออกด้านนอก
- การถ่ายภาพรังสี อาจมีการเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อแยกแยะสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปวดไหล่ เช่น กระดูกหัก หรือข้อเสื่อม หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อนและเยื่อหุ้มข้อ
วิธีการรักษาอาการไหล่ติด


การรักษาภาวะไหล่ติดมักมีเป้าหมายหลักคือการลดความเจ็บปวด เพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานข้อไหล่ในการทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการดีขึ้นได้ด้วยวิธีการรักษาเหล่านี้
รักษาแบบประคับประคองตามระยะของโรค- ระยะปวด (Freezing Stage) ในระยะแรกที่อาการปวดยังรุนแรง การรักษาจะเน้นไปที่ การลดอาการปวดและการอักเสบเป็นหลัก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบที่เกิดขึ้นในข้อไหล่
- ระยะข้อติด (Frozen Stage) เมื่ออาการปวดเริ่มลดลง แต่ข้อไหล่กลับแข็งและเคลื่อนไหวได้น้อยลง การรักษาในระยะนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ โดยผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- ออกกำลังกายยืดดัดข้อไหล่ด้วยตนเองทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
- ก่อนการดัดข้อไหล่ ควรประคบด้วยแผ่นความร้อน เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มข้อ
- หลังการดัดข้อไหล่ อาจใช้แผ่นความเย็นประคบ เพื่อช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้น
- การทำกายภาพบำบัด หากอาการไม่ดีขึ้น การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้อาการหายเป็นปกติเร็วขึ้น โดยอาจมีการใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนต่าง ๆ และการดัดข้อไหล่โดยผู้เชี่ยวชาญ
- ระยะฟื้นตัว (Thawing Stage) ในระยะสุดท้ายนี้ อาการปวดและข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวจะค่อย ๆ ดีขึ้น การรักษาจึงจะเน้นไปที่ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ เพื่อฟื้นฟูการทำงานของไหล่ให้กลับมาเป็นปกติมากที่สุด
การรักษาด้วยการผ่าตัด
ในกรณีที่อาการข้อไหล่ติดไม่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังคงรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก หลังจากได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ด้วยวิธีประคับประคองเป็นเวลา 4-6 เดือน แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องข้อไหล่ (Arthroscopic Shoulder Surgery) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็กผ่านกล้อง
ขั้นตอนวิธีการผ่าตัดคือ แพทย์จะทำการเจาะรูขนาดเล็กบริเวณหัวไหล่ประมาณ 3-4 รู แต่ละรูมีขนาดประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร จากนั้นจะใช้อุปกรณ์ใส่เข้าไปตัดพังผืดหรือเนื้อเยื่อที่ยึดข้อไหล่ภายในข้อที่เป็นสาเหตุของอาการไหล่ติดออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของไหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อแก้ไขอาการข้อไหล่ติดนั้นจะช่วยให้แพทย์เห็นพยาธิสภาพชัดเจน และแก้ไขได้อย่างแม่นยำ แผลมีขนาดเล็ก เจ็บน้อยลง เพราะเนื้อเยื่อรอบข้อได้รับผลกระทบน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ในระยะสั้น ทำกายภาพได้ไว และลดระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล
วิธีป้องกันไม่ให้มีอาการไหล่ติด
แม้ว่าบางสาเหตุของอาการไหล่ติดอาจไม่สามารถป้องกันได้ แต่การปฏิบัติตัวบางอย่างสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เน้นการบริหารข้อไหล่และแขนให้มีการเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ หากมีการบาดเจ็บหรือต้องพักฟื้น ควรเริ่มขยับข้อไหล่และแขนเท่าที่ทำได้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด หมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณไหล่และแขนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ตามวิธีดังต่อไปนี้
- ท่ายกแขนไต่กำแพง โดยยืนหันหน้าเข้าหากำแพงในระยะที่พอเหมาะ ค่อย ๆ ใช้นิ้วมือข้างที่เจ็บไต่ขึ้นไปบนกำแพงช้า ๆ เท่าที่ทำได้โดยไม่เจ็บ พยายามให้แขนเหยียดตรง ค้างไว้ 20 วินาที แล้วค่อย ๆ ไต่ลง ทำซ้ำ 15 ครั้ง
- ท่ากางแขนไต่กำแพงขึ้นไปด้านข้าง ยืนตั้งฉากกับกำแพง ค่อย ๆ ไต่นิ้วไปทางด้านข้าง ศอกต้องเหยียดตรง พอเริ่มตึงให้นับในใจ 20 วินาที โดยไม่กลั้นหายใจ จากนั้นไต่กำแพงกลับมาหาตัวช้า ๆ ทำซ้ำ 15 ครั้ง
- ท่าหมุนไหล่ลง โดยใช้ผ้าเช็ดตัว หรือใช้เสื้อเชิ้ตแขนยาวแทนได้ ใช้มือข้างที่ไหล่เจ็บกำผ้าไว้ด้านหลัง มือที่ไม่เจ็บกำผ้าไว้ด้านหน้า และดึงลงไปด้านหน้า จนแขนข้างที่เจ็บรู้สึกตึงที่ไหล่ ค้างไว้ 20 วินาที โดยไม่กลั้นหายใจ ให้ทำซ้ำ 15 ครั้ง
ไหล่ติดรักษาได้ หากพบแพทย์และวางแผนรักษาอย่างเหมาะสม
ภาวะไหล่ติดไม่ใช่เพียงแค่อาการปวดเมื่อยธรรมดา แต่เป็นการอักเสบและหดรั้งของเยื่อหุ้มข้อไหล่ที่อาจนำไปสู่ความทรมานและอาการเรื้อรัง หากคุณมีอาการปวดไหล่และสงสัยว่าอาจเป็นไหล่ติด ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันที
ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลนครธน ให้บริการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเรามีความพร้อมด้านบุคลากรทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญในเรื่องการรักษาข้อไหล่ติด รวมไปถึงเทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้อง
ไหล่ติดรักษาได้ หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการในช่วงแรก ๆ เพื่อให้สามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์กระดูกและข้อ